ปัจจัยสำคัญ ประจำวันที่ 18/04/59

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 107.88 เยน/ดอลลาร์ จากปิดตลาดเมื่อวันที่ 12 เม.ย.อยู่ที่ 108.29/32 เยน/ดอลลาร์

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1290 ดอลลาร์/ยูโร จากปิดตลาดเมื่อวันที่ 12 เม.ย.อยู่ที่ 1.1421/1423 ดอลลาร์/ยูโร

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.0420 บาท/

ดอลลาร์

- ธปท.เผยต่างชาติมีเงินทุนไหลเข้าสุทธิ 1 แสนล้านบาทในไตรมาสแรก ส่วนใหญ่เข้าซื้อบอนด์ระยะสั้น ซึ่งเป็นแนวโน้มเดียวกันทั้งภูมิภาคเอเชีย ชี้อนาคตยังไม่มีความไม่แน่นอนสูงและความผันผวนเป็นระยะๆ ย้ำจะทำหน้าที่รักษาเสถียรภาพทั้งตลาดการเงินและเศรษฐกิจไทย

- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเผยดัชนีภาวะเศรษฐกิจครัวเรือนเดือนมีนาคม และในอีก 3 เดือนข้างหน้ายังลดลงต่อเนื่อง ระบุสะท้อนความเป็นห่วงในด้านรายได้ในอนาคต ส่งผลให้การใช้จ่ายของครัวเรือนยังซบเซาไปอีกระยะ หวังโครงการรัฐเกิดช่วยพยุงเศรษฐกิจ

- แบงก์กสิกรไทยคาดระดมเงินฝากธนาคารพาณิชย์ทั้งปี'59 ขยายเท่าตัวถึง 4% จากปีก่อนแค่ 1.4% ปัจจัยหนุนจากการขยายตัวของสินเชื่อโครงการรัฐเพิ่ม และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐส่งผลเงินไหลออก

- นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสที่ 2 และครึ่งปีหลัง ยังมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลก ที่ชะลอตัว แต่ในแง่การบริหารนโยบายด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลยังมีเครื่องมือในการขับเคลื่อนโดยเฉพาะการใช้จ่ายวงเงินตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหลืออยู่ ในปีนี้อีกกว่า 400,000 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับการบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของทุกภาคส่วนได้

- พาณิชย์เตือนผู้ส่งออกรับมือเงินผันผวน จากมาตรการคิวอี ประเมินเศรษฐกิจโลก ยังซบเซา คาดแนวโน้มส่งออกไตรมาส 2 ทรงตัว ด้าน "เอกชน" ประเมินส่งออกปีนี้ขยายตัว 1.1% ขณะพาณิชย์ยืนเป้า 5% หวังเออีซีหนุน นักเศรษฐศาสตร์ชี้ไทยเผชิญปัญหา เชิงโครงสร้าง-วัฏจักรเศรษฐกิจขาลง

- นักเศรษฐศาสตร์ฟันธงเศรษฐกิจไทยฟื้นชัด ครึ่งปีหลัง อานิสงส์ "ลงทุนรัฐ-ท่องเที่ยว" ลุ้น "พีพีพี" ดันการลงทุนเกิดเร็ว คาดเม็ดเงินโครงการขนาดใหญ่ไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้าน หนุน "จีดีพี" ทั้งปีโตเฉลี่ย 3-4% ขณะราคาสินค้าเกษตรส่งสัญญาณฟื้นดันการส่งออกเริ่มดีขึ้น จับตาเศรษฐกิจปัจจัยเสี่ยง "หลัก"

- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้นตั้งแต่เดือน ต.ค. 2558 เช่น อังกฤษจะออกจากสมาชิกอียู สร้างความเสี่ยงให้เศรษฐกิจโลกชะลอ การลงทุนชะงัก โดยเศรษฐกิจโลกยังต้องพึ่งพานโยบายการเงินและการคลังมากขึ้น เพื่อกระตุ้นการขยายตัวและสร้างเสถียรภาพ

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดเอเชีย ร่วงลง 6.7% ในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก ไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นการตรึงกำลังการผลิตเมื่อเวลาประมาณ 05.55 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เดือนพ.ค. ร่วงลง 6.7% แตะที่ 37.68 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์เดือนมิ.ย. ร่วงลง 6.7% สู่ระดับ 40.18 ดอลลาร์/บาร์เรล