สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นกว่า 10%

ราคาน้ำมันดีดขึ้นกว่า 10% จากระดับต่ำสุดในรอบ 12 ปี หลังมีรายงานสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) พร้อมลดกำลังผลิต

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) รายงานสถานการณ์น้ำมันปิดตลาดประจำวันที่ 12 ก.พ. 2559 น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปรับเพิ่มขึ้น 3.23 เหรียญ มาอยู่ที่ 29.44 เหรียญต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ ปรับเพิ่มขึ้น 3.30 เหรียญ มาอยู่ที่ 33.36 เหรียญ โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 12 ปี โดยราคาน้ำมันดิบปรับพุ่งจากระดับต่ำสุดในรอบ 12 ปี เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังสำนักพิมพ์ The Wall Street Journal (WSJ) รายงานว่า รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นาย Suhail bin Mohammed al-Mazroui ยืนยัน UAE พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของประเทศลง แม้ว่าผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก ยังเพิ่มปริมาณการผลิตต่อเนื่อง โดยมองว่าการผลิตจากนอกกลุ่มโอเปก จะลดลงราว 800,000 บาร์เรลต่อวัน ขณะที่ความต้องการใช้จะเพิ่มขึ้นราว 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งยังให้ความเห็นว่า ตลาดน้ำมันจะเริ่มปรับตัวเข้าสู่ภาวะสมดุลอีกครั้งภายในปีนี้

ด้านนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า ราคาน้ำมันจะกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง หลังก่อนหน้านี้ ยังไม่มีความชัดเจนมากนัก แม้เวเนซุเอลา และรัสเซีย จะมีความพยายามในการหารือเพื่อลดกำลังการผลิต ประกอบกับนักลงทุนยังพากันเข้าซื้อ-ขายทำกำไรก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในวันจันทร์นี้ เนื่องในวันประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ทำให้ตลาดน้ำมันคึกคักอีกครั้ง นอกจากนี้หลายคนยังให้ความเห็นว่า ราคาน้ำมันจะอยู่ในภาวะผันผวนอย่างต่อเนื่อง

ด้าน Baker Hughes รายงานหลุมขุดเจาะในสหรัฐฯ สิ้นสุด 12 ก.พ. 59 ปรับลดลงอีก 28 หลุม แตะระดับต่ำสุดนับแต่ปี 2553 ที่ 541 หลุม (น้ำมัน 439 และแก๊ส 102 หลุม) และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง หลังบริษัทขุดเจาะหลายรายมีการปรับลดงบประมาณ โดยบริษัทลงทุนทางการเงินใหญ่ในสหรัฐฯ อย่าง Raymond James คาดหลุมขุดเจาะจะลดลงต่อแตะระดับ 500 หลุมในครึ่งปีแรก เนื่องจากราคาน้ำมัน WTI จะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 40 เหรียญฯ ก่อนปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้งในครึ่งปีหลัง เมื่อราคาน้ำมันดีดตัวเพิ่มขึ้นไปเฉลี่ยที่ระดับ 60 เหรียญฯ