นายเจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาริชมอนด์ กล่าวเมื่อวานนี้ว่า เขาเชื่อว่าเฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า

 นายแลคเกอร์กล่าวว่า เหตุผลในการสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย มีน้ำหนักมากขึ้นในปีนี้ และขณะนี้ก็ยังไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงภาวะดังกล่าว

 นายแลคเกอรี์ะบุว่า เขายังคงมีจุดยืนเหมือนในการประชุมเดือนก.ย.และต.ค. โดยเขาเชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่เฟดจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากระดับ 0%

 ทางด้านนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ กล่าวย้ำมุมมองเดิมที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐขณะนี้สามารถปรับตัวรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้

 ส่วนนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เขาเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และข้อมูลเศรษฐกิจในปัจจุบันสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า

 นอกจากนี้ เขายังระบุว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐมีการปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเข้าเกณฑ์เงื่อนไขของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 ส่วนนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟด สาขานิวยอร์ก แสดงความคาดหวังว่า ตลาดจะปรับตัวได้ดีต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเป็นหลักฐานแสดงว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่ง

 รายงานประชุมเฟดเดือนต.ค.ชี้จนท.เฟดเชื่อการขึ้นดบ.ในเดือนธ.ค.มีความเหมาะสม

 รายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวันที่ 27-28 ต.ค.แสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่เฟดเชื่อว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะมีความเหมาะสมในเดือนธ.ค.

 “เมื่ออิงกับการประเมินเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันและแนวโน้มสำหรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่คาดว่าภาวการณ์ดังกล่าวอาจจะมีความเหมาะสมภายในการประชุมครั้งหน้า" รายงานการประชุมเฟดระบุ

 เฟดได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ใกล้ 0% มาเป็นเวลาหลายปี เมื่อพิจารณาจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐกำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆหลังจากเผชิญวิกฤตการเงินที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ

 รายงานชี้ว่า เจ้าหน้าที่เฟดบางรายคิดว่าภาวะต่างๆมีความเหมาะสมแล้วสำหรับการปรับเริ่มปรับนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติ

 อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่เน้นย้ำว่าการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจระยะกลางของข้อมูลที่ได้รับในช่วงก่อนที่จะถึงการประชุมนโยบายการเงินครั้งหน้า

เจ้าหน้าที่หลายรายแสดงความวิตกว่าการชะลอการคุมเข้มนโยบายการเงินออกไปอาจจะทำให้ตลาดการเงินมีความไม่แน่นอนมากขึ้น และจะส่งผลให้เกิดความไร้สมดุลทางการเงิน

 นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังกังวลว่าการตัดสินใจเลื่อนการปรับขึ้นดอกเบี้ยออกไปอาจจะถูกตีความว่าเฟดขาดความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ หรืออาจจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือของคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด

 ในการแถลงต่อสภาคองเกรสเมื่อวันที่ 4 พ.ย. นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.เป็นสิ่งที่มีความเป็นไปได้ หากเศรษฐกิจปรับตัวตามที่คาด สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 ขอบคุณข้อมูลจากryt9