* ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 122.96 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 122.56 เยน/ดอลลาร์

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1373 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1400 ดอลลาร์/ยูโร

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 33.6410 บาท/ดอลลาร์

- สธ.ประกาศชายชาวตะวันออกกลาง อายุ 75 ปี ติดเชื้อเมอร์สจากต่างประเทศแล้วเดินทางเข้าไทย เร่งประสานส่งห้องแยกโรค พร้อมตามคนใกล้ชิด 59 รายสอบโรค แพทย์มั่นใจคุมไม่ให้แพร่ระบาดได้ นายกฯวอนประชาชนอย่าตื่นตระหนก

- พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสเมอร์สในนักท่องเที่ยวซึ่งเดินทางจากประเทศโอมาน ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการดูแลรักษาในพื้นที่ควบคุม รวมถึงการติดตามดูแลตรวจสอบผู้ที่สัมผัสใกล้ชิด ซึ่งรัฐบาลมั่นใจในกระบวนการทำงานของกระทรวงสาธารณสุขที่ครอบคลุมครบถ้วน และมั่นใจว่าจะควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด

-  'แกรนท์ ธอนตัน' เผยนักธุรกิจมีมุมมอง เชิงบวกต่อเศรษฐกิจไทยมากขึ้นเป็น 36% ช่วงไตรมาสแรกปีนี้จาก 27% ในช่วงไตรมาส 4 ปีก่อน เชื่อได้แรงหนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ และโอกาสการลงทุนในกลุ่มประเทศเออีซี รวมถึงการเพิ่มขึ้นของกำลังซื้อจากการเติบโตของชนชั้นกลาง

- นายบัณฑิต นิจถาวร กรรมการผู้อำนวยการ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (ไอโอดี) เปิดเผยว่า การที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ยนโยบายลงมา 2 ครั้ง รวม 0.50% มาอยู่ที่ 1.50% ถือว่ายังไม่สามารถส่งผลที่เด่นชัดต่อภาพรวมเศรษฐกิจได้ แม้ดอกเบี้ยที่ลดลงจะช่วยเรื่องต้นทุนทางการเงินและทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงส่งผลดีต่อภาคการส่งออกก็ตาม แต่ยังไม่เป็นแรงสนับสนุนให้ผู้ประกอบการได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง

- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินเฟดยังคงดอกเบี้ยนโยบายไปจนถึงการประชุมรอบหน้ากลางเดือนกันยายนนี้ ย้ำเงื่อนไขการปรับดอกเบี้ยขึ้นกับการพัฒนาเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาเป็นสำคัญ ค่าบาทปลายปีมีโอกาสแตะ 34.25

- สหภาพยุโรป(EU) ประกาศจัดการประชุมฉุกเฉินในวันจันทร์ที่ 22 มิ.ย.นี้ หลังจากที่ประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซน หรือยูโรกรุ๊ป เมื่อวานนี้ได้เสร็จสิ้นลงโดยที่ประชุมไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับปัญหาหนี้กรีซ ซึ่งส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่ากรีซอาจจะผิดนัดชำระหนี้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในช่วงสิ้นเดือนนี้

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ เพราะได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ภายหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่ายังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ปรับตัวลดลง และข้อมูลแรงงานของสหรัฐที่ยังคงแข็งแกร่ง โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.เพิ่มขึ้น 53 เซนต์ ปิดที่ 60.45 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือน ก.ค.เพิ่มขึ้น 39 เซนต์ ปิดที่ 64.26 ดอลลาร์/บาร์เรล

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 25 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้อาจจะไม่รวดเร็วอย่างที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ส.ค.พุ่งขึ้น 25.2 ดอลลาร์ หรือ 2.14% ปิดที่   1,202.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน ก.ค.เพิ่มขึ้น 20.6 เซนต์ ปิดที่ 16.153 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือน ก.ค.พุ่งขึ้น 10.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,082.80 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน ก.ย.ลดลง 1.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 718.65 ดอลลาร์/ออนซ์

- ดอลลาร์สหรัฐปรับลงต่อเนื่องเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีความระมัดระวังในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1368 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1333 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5874 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5829 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 123.05 เยน จาก 123.38 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9219 ฟรังก์ จาก 0.9222 ฟรังก์ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7794 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7750 ดอลลาร์

ขอบคุณเครดิตข่าวเศรษฐกิจและติดตามอ่านต่อได้ที่เว็บ :  http://www.ryt9.com/