**ปัจจัยสำคัญประวจำวันที่ 18/09/2558**

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 120.03 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 120.82 เยน/ดอลลาร์

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1404 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1317 ดอลลาร์/ยูโร

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 35.7930 บาท/ดอลลาร์

- คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลงมติในการประชุมเมื่อวานนี้ให้คงอัตราดอกเบี้ยในช่วง 0-0.25% ต่อไป

- กสิกรไทยเตรียม 6 หมื่นล้าน ลุยปล่อยกู้เอสเอ็มอีช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี เป็นกู้ซอฟต์โลน 3 หมื่นล้าน แบงก์ปล่อยเพิ่ม 3 หมื่นล้าน หนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐ คาดสินเชื่อทั้งปีโตได้ตามเป้า 5-6% ขณะที่เอ็นพีแอลทรงตัวไม่ถึง 3%

- รัฐมนตรีคลังเบรกแผนการกู้เงินใช้หนี้รัฐ 7.3 แสนล้าน ที่ "สมหมาย ภาษี" ทำไว้ ชี้ไม่จำเป็นต้องออกกฎหมายพิเศษ เตรียมสรุปขาดทุนจำนำข้าวภายในสิ้นปี เล็งออกมาตรการดันเศรษฐกิจรอบ 2 เพิ่มขีดความสามารถแข่งขันเข้า ครม.ภายใน 2-3 สัปดาห์

- มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน และนักธุรกิจต่อนโยบายเศรษฐกิจรัฐบาล พบว่า ส่วนใหญ่พอใจกับนโยบายด้านเศรษฐกิจ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับหนึ่ง และเพิ่มกำลังการใช้จ่ายของประชาชนแต่ไม่มากนัก เนื่องจากไทยยังต้องเผชิญปัญหาหลายด้าน พบประชาชนบางกลุ่มไม่รู้เรื่องแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แนะเดินสายประชาสัมพันธ์

- กรุงเทพโพลเผย นักเศรษฐศาสตร์เชื่อมั่น "วิรไท" ผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ 62% ยก "ซื่อสัตย์" นำโด่ง แนะงานด่วน รักษาเสถียรภาพเงินบาท

- น.ส.วิมลกานต์ โกสุมาศ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) เปิดเผยว่า สสว.ได้ปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ภาคเอสเอ็มอี เหลือ 2.8% จากต้นปีที่ผ่านมาที่คาดว่าจะขยายตัว 3% เนื่องจากช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา เศรษฐกิจในประเทศยังขยายตัวไม่ดีนัก รวมทั้งภาคการส่งออกยังได้รับผลกระทบจากประเทศคู่ค้าเศรษฐกิจชะลอตัวมีเพียงภาคการท่องเที่ยวและบริการเท่านั้นที่เริ่มฟื้นตัว ส่วนในปีหน้า สสว.คาดว่า จีดีพีภาคเอสเอ็มอีจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 3% เพราะมองว่ามาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีของรัฐบาลที่ประกาศออกมาจะเริ่มเห็นผล รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ทำให้กำลังซื้อในประเทศฟื้น และภาคการส่งออกในประเทศหลักโดยเฉพาะสหรัฐฯปรับตัวดีขึ้น

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นไปกว่า 2.5 ดอลลาร์เมื่อวันพุธ ภายหลังจากมีรายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงอย่างพลิกความคาดหมายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ลดลง 25 เซนต์ ปิดที่ 46.9 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 67 เซนต์ ปิดที่ 49.08 ดอลลาร์/บาร์เรล

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทั้งนี้ โดยปกติแล้วตลาดทองคำนิวยอร์กจะปิดทำการซื้อขายก่อนที่การประชุมเฟดจะสิ้นสุดลง โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค.ลดลง 2 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่ 1,117.00 ดอลลาร์/ออนซ์

- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆเมื่อคืนนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมนโยบายการเงินครั้งล่าสุด โดยค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1405 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1287 ดอลลาร์สหรัฐ


ขอขอบคุณเครดิตข่าวเศรษฐกิจจากเว็บ : http://www.ryt9.com